ESG และความยั่งยืน -1

ESG และความยั่งยืน คือปัจจัยใหม่ที่ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจซื้อสินค้าในปี 2026

ความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็น “กติกาใหม่ของตลาด” ภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกธุรกิจได้เปลี่ยนทิศทางจากการโฟกัสแค่ยอดขาย ไปสู่การใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่โปร่งใสอย่างจริงจัง ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในคำว่า ESG (Environmental, Social, Governance)

ในปี 2025–2026 ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่ม “มองแบรนด์ผ่านเลนส์ความยั่งยืน” ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า และกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และ SME ESG ไม่ใช่นโยบายที่มีไว้โชว์ แต่เป็นสิ่งที่ลูกค้ายุคใหม่ “คาดหวัง” จากแบรนด์และเมื่อความคาดหวังเพิ่มขึ้น ธุรกิจที่ปรับตัวช้าจะเสียเปรียบอย่างชัดเจน

1. ESG คืออะไร? (สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุด)

E – Environmental (สิ่งแวดล้อม) แบรนด์ต้องใส่ใจผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดขยะ ลดการใช้พลาสติก ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ใช้วัสดุรีไซเคิล
S – Social (สังคม) ดูแลพนักงาน ชุมชน ลูกค้า ตลอดจนความเท่าเทียมและความปลอดภัยด้านข้อมูล
G – Governance (ธรรมาภิบาล) บริหารจัดการโปร่งใส มีมาตรฐาน ปฏิบัติตามกฎหมาย และดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม
วันนี้ผู้บริโภคไม่ได้ดูแค่ “สินค้า” แต่ดูทั้งภาพรวมของธุรกิจว่าดำเนินงานอย่างยั่งยืนหรือไม่

2. ทำไมผู้บริโภคยุค 2026 ถึงเลือกแบรนด์ที่ใส่ใจ ESG

มีหลายสาเหตุสำคัญที่ทำให้เทรนด์นี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

2.1 การตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคเห็นผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน ขยะทะเล ภัยธรรมชาติ ทำให้เลือกแบรนด์ที่ดูแลโลก
2.2 คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่า” มากกว่า “ราคา” กลุ่ม Gen Z และ Millennials สนับสนุนแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องความยั่งยืน
2.3 ความโปร่งใสส่งผลต่อความเชื่อใจของลูกค้า แบรนด์ที่เปิดเผยข้อมูล เช่น กระบวนการผลิต การจัดการพนักงาน ฯลฯ มักน่าเชื่อถือกว่า
2.4 โซเชียลมีเดียช่วยขยายเทรนด์ยั่งยืน ผู้บริโภคแชร์แบรนด์ดี ๆ กันง่ายขึ้น และวิจารณ์แบรนด์ไม่ดีได้ทันที
2.5 ลูกค้าเชื่อว่า “แบรนด์ที่ยั่งยืน = คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ลูกค้ารู้สึกภูมิใจที่เลือกสินค้าที่ไม่ทำลายโลกหรือสังคม

3. งานวิจัยยืนยันว่า ESG ส่งผลต่อการซื้อสินค้า

ข้อมูลระดับโลกชี้ว่า

  • ผู้บริโภคกว่า 60% พร้อมเปลี่ยนแบรนด์ หากแบรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากกว่า
  • 70% เลือกแบรนด์ที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างชัดเจน
  • 80% ของ Gen Z เลี่ยงแบรนด์ที่มีข่าวเสียหายด้านจริยธรรม

นี่คือสาเหตุที่แบรนด์ใหญ่ทั่วโลก เช่น Nike, Unilever, Starbucks ทุ่มงบมหาศาลด้านความยั่งยืน เพราะเป็น “ทางรอด” ไม่ใช่ “ทางเลือก”

4. ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้ ESG และประสบความสำเร็จ

ESG-ตัวอย่างแบรนด์ไทยที่ใช้ ESG และประสบความสำเร็จ-2

หลายธุรกิจไทยนำ ESG มาใช้จริงและเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น

4.1 ร้านกาแฟที่ใช้แก้วรีไซเคิล 100% ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นร้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเลือกใช้บริการบ่อยขึ้น
4.2 บริษัทขนส่งที่ใช้รถไฟฟ้า ช่วยลดคาร์บอนและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านความยั่งยืน
4.3 แบรนด์เสื้อผ้า Recycled Fabric ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มรักโลก
4.4 ธุรกิจ SME ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ แม้ต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่ม

5. ประโยชน์ของ ESG ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตจริง

5.1 ยอดขายเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ารู้สึกดีที่สนับสนุนแบรนด์นี้ ตัวเลือกสินค้าใกล้เคียงกัน แต่แบรนด์ยั่งยืนมักชนะใจลูกค้า
5.2 เพิ่มความภักดีของลูกค้า (Brand Loyalty) ลูกค้ามักซื้อซ้ำเมื่อรู้สึกว่าแบรนด์มีคุณค่าต่อโลกและสังคม
5.3 ภาพลักษณ์ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แบรนด์ยั่งยืนได้รับการพูดถึงเชิงบวกมากขึ้น
5.4 ลดความเสี่ยงเรื่องกฎหมายและปัญหาสังคม แบรนด์ที่ไม่มีธรรมาภิบาลมักถูกตรวจสอบและเสียชื่อเสียงง่าย
5.5 ได้เปรียบดึงดูดนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ยุคนี้นักลงทุนสนใจบริษัทที่มี ESG ชัดเจน

6. ธุรกิจขนาดเล็กจะเริ่มทำ ESG ได้อย่างไร

หลายคนคิดว่า ESG ทำได้เฉพาะธุรกิจใหญ่ แต่ความจริง SME ก็ทำได้ และเริ่มได้ทันที โดยไม่ต้องใช้งบเยอะ

6.1 ลดการใช้พลาสติก ใช้ถุงกระดาษ แก้วไบโอ หรือบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
6.2 ใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล ลูกค้ามองว่าเป็นจุดแข็งทันที
6.3 แสดงความโปร่งใส เป็นมิตรกับลูกค้าและพนักงาน เปิดเผยข้อมูลกระบวนการ
6.4 ทำกิจกรรมตอบแทนสังคมเล็ก ๆ เช่น บริจาคส่วนหนึ่งหรือทำกิจกรรมกับชุมชน
6.5 ดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม ความใส่ใจภายใน = คุณภาพสินค้าที่ดีขึ้น

7. ธุรกิจใหญ่ควรยกระดับ ESG ไปทางไหนในปี 2026

ธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ควรลงทุนเพิ่มในด้าน

  • ระบบตรวจสอบคาร์บอนฟุตพริ้นต์
  • การใช้พลังงานสะอาด
  • ลดของเสียในโรงงาน
  • ระบบจัดการข้อมูลที่โปร่งใส
  • นโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน
  • รายงาน ESG ประจำปี

บริษัทที่ทำได้ดีจะสร้างความเชื่อมั่นในตลาดและดึงดูดนักลงทุนได้ง่ายขึ้น

ESG ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่เป็นความคาดหวังใหม่ของผู้บริโภค ผู้บริโภคยุค 2026 ต้องการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ใส่ใจโลก ใส่ใจคน มีธรรมาภิบาล มีคุณค่ามากกว่าแค่ขายของ ธุรกิจที่เข้าใจและลงมือทำ ESG ตั้งแต่ตอนนี้ จะได้เปรียบทั้งด้านความเชื่อถือ ยอดขาย และโอกาสเติบโตในระยะยาว