หลายคนที่ตั้งใจจะเริ่มออกกำลังกายมักมีคำถามในใจอยู่เสมอว่า “ควรออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด ระหว่างตอนเช้ากับตอนเย็น” บางคนบอกว่าตอนเช้าสดชื่นกว่า บางคนกลับบอกว่าตอนเย็นร่างกายพร้อมและเผาผลาญได้ดีกว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีคำตอบตายตัว แต่ละช่วงเวลามีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย พฤติกรรม และเป้าหมายของแต่ละคน
ทำไมเวลาออกกำลังกายถึงสำคัญ
ร่างกายมนุษย์มีนาฬิกาชีวภาพหรือที่เรียกว่า Circadian Rhythm ซึ่งคอยกำหนดจังหวะการทำงานของอวัยวะ ฮอร์โมน และระดับพลังงานในแต่ละช่วงเวลา การเลือกช่วงเวลาออกกำลังกายให้สอดคล้องกับนาฬิกานี้จึงช่วยให้ร่างกายทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ตอนเช้าหัวใจและปอดเริ่มตื่นตัว ระบบเผาผลาญเริ่มทำงาน ส่วนตอนเย็นกล้ามเนื้อมักอุ่นขึ้นแล้ว ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องและลดโอกาสบาดเจ็บ
ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเช้า
การออกกำลังกายตั้งแต่เช้ามักถูกยกให้เป็นทางเลือกที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ คนที่ตื่นมาออกกำลังกายจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดยามเช้า ซึ่งช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินดีตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง เช่น
- กระตุ้นระบบเผาผลาญตั้งแต่ต้นวัน ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้ต่อเนื่อง
- ช่วยสร้างวินัย เพราะการออกกำลังกายตอนเช้ามักไม่มีเหตุให้เลื่อนหรือยกเลิกง่ายๆ
- ทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลต่อการทำงานหรือเรียนตลอดทั้งวัน
- ปรับอารมณ์ให้สดใส ลดความเครียดได้ตั้งแต่เช้า
ข้อดีของการออกกำลังกายตอนเย็น
หลายคนเลือกออกกำลังกายตอนเย็นหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน เพราะรู้สึกว่าร่างกายพร้อมมากกว่า นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นกีฬา หรือฝึกเวทเทรนนิ่ง เนื่องจาก
- กล้ามเนื้อและข้อต่ออบอุ่นเต็มที่ เคลื่อนไหวได้คล่อง
- อัตราการเต้นหัวใจและการหายใจมีความสม่ำเสมอ ทำให้เล่นได้นานขึ้น
- ระดับพลังงานจากอาหารที่กินระหว่างวันยังคงเหลืออยู่
- เป็นการคลายเครียดจากการทำงานหรือเรียน ช่วยปรับอารมณ์ก่อนพักผ่อน
แต่ก็ต้องระวัง หากออกกำลังกายหนักเกินไปใกล้เวลาเข้านอน อาจทำให้ร่างกายตื่นตัวและนอนหลับยากขึ้น
แล้วช่วงไหนเผาผลาญดีกว่ากัน
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เร็วกว่า เพราะร่างกายจะดึงพลังงานสะสมมาใช้ทันทีโดยยังไม่ได้รับอาหารมาก่อน แต่ในทางกลับกัน ช่วงเย็นร่างกายมีกล้ามเนื้อพร้อมกว่า ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานและหนักขึ้น ส่งผลต่อการใช้พลังงานโดยรวมได้มากกว่า
ดังนั้นการเผาผลาญที่ดีที่สุดจึงขึ้นอยู่กับรูปแบบการออกกำลังกายด้วย ถ้าใครออกกำลังเบาๆ ตอนเช้าอาจได้ผลไม่ต่างมากนัก แต่ถ้าเล่นเวทหรือคาร์ดิโอหนักๆ ตอนเย็นก็อาจเผาผลาญได้มากกว่า
เลือกเวลาออกกำลังกายให้เข้ากับชีวิตประจำวัน
แทนที่จะกังวลว่าตอนเช้าหรือตอนเย็นดีกว่า สิ่งสำคัญกว่าคือการหาช่วงเวลาที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ บางคนเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว การออกกำลังกายก่อนทำงานอาจง่ายกว่า ขณะที่บางคนเลิกงานแล้วถึงจะมีเวลาว่าง ดังนั้นเวลาที่ทำได้ต่อเนื่องโดยไม่ฝืนตารางชีวิตต่างหากที่ดีที่สุด
เคล็ดลับเล็กๆ สำหรับทั้งสองช่วงเวลา
- ถ้าออกตอนเช้า ควรดื่มน้ำให้พอ และอบอุ่นร่างกายมากเป็นพิเศษ
- ถ้าออกตอนเย็น ควรเว้นระยะหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการจุกเสียด
- ไม่ว่าช่วงไหน ควรนอนหลับให้พอ เพราะการพักผ่อนมีผลต่อประสิทธิภาพและการเผาผลาญพลังงาน
สุดท้ายแล้วไม่มีคำตอบตายตัวว่าการออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นเผาผลาญได้ดีกว่า เพราะแต่ละช่วงเวลามีข้อดีข้อเสียต่างกัน หากคุณต้องการเริ่มวันใหม่อย่างกระฉับกระเฉงและควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายตอนเช้าอาจตอบโจทย์ แต่ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นกีฬาและคลายเครียด การออกตอนเย็นก็เป็นทางเลือกที่ดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็นก็ตาม