การกู้ยืมเงินหรือการมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยต้องปวดหัวกับหนี้สินไม่รู้จบคือ “ไม่รู้ว่าหนี้ที่ก่อขึ้นนั้น เป็นหนี้แบบไหน” เพราะไม่ใช่หนี้ทุกประเภทจะส่งผลเสียเสมอไป ถ้าเรารู้จักแยกแยะให้ดี หนี้บางแบบก็สามารถสร้างโอกาสให้ชีวิตก้าวหน้าได้ แต่หนี้บางแบบก็กลายเป็นภาระที่ฉุดรั้งอนาคตโดยไม่รู้ตัว
หนี้ดีคืออะไร?
หนี้ดี คือหนี้ที่มีเป้าหมายชัดเจน มีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต และช่วยให้สถานะทางการเงินของคุณดีขึ้น เช่น:
- หนี้เพื่อการศึกษา: เช่น กู้เรียน หรืออบรมเสริมทักษะในสายงาน เพิ่มศักยภาพในอาชีพได้ในอนาคต
- หนี้เพื่อซื้อบ้าน: บ้านคือทรัพย์สินที่มีมูลค่าและราคาขึ้นตามเวลา (หากเลือกทำเลดี)
- หนี้เพื่อการลงทุน: เช่น กู้ทำธุรกิจ กู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า หากวางแผนดีมีโอกาสได้กำไร
หนี้ดีมักมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงื่อนไขที่สามารถควบคุมได้ เช่น ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หรือการผ่อนในระยะยาวโดยไม่กระทบกับรายจ่ายประจำวัน
หนี้ร้ายคืออะไร?
หนี้ร้าย คือหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัว ใช้เพื่อความพึงพอใจชั่วคราว ไม่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และมักทำให้การเงินเสียสมดุล เช่น:
- หนี้บัตรเครดิตที่หมุนขั้นต่ำต่อเนื่อง: ดอกเบี้ยสูงเกิน 16–18% ต่อปี และต้นไม่ลด
- หนี้ผ่อนสินค้าเกินความจำเป็น: เช่น ผ่อนมือถือ ผ่อนของใช้ฟุ่มเฟือยที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
- กู้เงินนอกระบบ: ดอกเบี้ยแพง ไม่มีสัญญา เสี่ยงต่อปัญหาทางกฎหมาย
หนี้ร้ายมักทำให้ต้องหมุนเงินตลอดเวลา ขาดสภาพคล่อง และกระทบต่อเป้าหมายการเงินในอนาคต เช่น ไม่สามารถเก็บเงิน หรือกู้ซื้อบ้านได้เพราะติดเครดิต
วิธีแยกหนี้ดี-หนี้ร้ายให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจกู้
- สิ่งที่กู้มา จะสร้างรายได้หรือไม่?
- ของที่ซื้อ มีมูลค่าเพิ่มในอนาคตหรือเสื่อมราคาทันที?
- สามารถผ่อนได้ต่อเนื่องหรือเปล่า โดยไม่กระทบเงินใช้จ่ายประจำวัน?
- ดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่ในเกณฑ์สมเหตุสมผลไหม?
- หนี้นี้ทำให้คุณกังวล เครียด หรือรู้สึกผิดหรือไม่?
ถ้าคำตอบหลายข้อโน้มเอียงไปในทาง “ไม่” หรือ “เสื่อมราคา” อาจเป็นสัญญาณว่าเป็นหนี้ร้ายมากกว่าหนี้ดี
แนวทางวางแผนก่อนตัดสินใจกู้หรือผ่อน
- วางแผนรายจ่ายให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจกู้ อย่ากู้ก่อนแล้วค่อยมาคิดทีหลัง
- หลีกเลี่ยงการกู้เพื่อ “ตามคนอื่น” เช่น ซื้อรถเพราะเพื่อนมี ไม่ใช่เพราะจำเป็น
- อย่ากู้เงินเพื่อจ่ายหนี้อีกก้อน (ยกเว้นกรณีรวมหนี้อย่างมีแผน)
- กำหนดเพดานหนี้ไม่เกิน 30–40% ของรายได้รวมต่อเดือน
- มีเงินสำรองฉุกเฉินก่อนคิดผ่อนของก้อนใหญ่
ถ้าติดหนี้ร้ายอยู่แล้ว ทำยังไงดี?
- หยุดก่อหนี้เพิ่มทันที
- จัดลำดับหนี้จากดอกเบี้ยสูงไปต่ำ แล้วทยอยเคลียร์จากตัวที่แพงก่อน (Debt Snowball หรือ Avalanche Method)
- ถ้าจ่ายขั้นต่ำไม่ไหว ลองเจรจากับเจ้าหนี้ เช่น ขอผ่อนใหม่ หรือลดอัตราดอกเบี้ย
- หารายได้เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระ
- ปรึกษาสถาบันที่ให้คำแนะนำด้านหนี้ เช่น คลินิกแก้หนี้ หรือธนาคารของรัฐ
สุดท้าย การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าคุณรู้ว่าคุณก่อหนี้ไปเพื่ออะไร และมีแผนรับมือที่ชัดเจน ทุกคนสามารถมีหนี้ได้ แต่การมีหนี้อย่างชาญฉลาดต่างหาก ที่จะทำให้การเงินของคุณเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคงครับ